เมนูนำทาง
ดอนัลด์ จั๊ง บทบาททางการเมืองโดนัลด์ จางได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารระบบการปกครองใหม่ของฮ่องกงในช่วงปี 2545 เมื่อเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีใหญ่ฝ่ายบริหาร (Chief Secretary for Administration) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่สองในรัฐบาลของต่ง เจี้ยนหฺวา ซึ่งเขาก็ทำงานในตำแหน่งนี้ได้ดีและเป็นที่สนับสนุนและเชื่อมั่นของนักลงทุนตลอดจนนักธุรกิจในฮ่องกง ความนิยมของจางเพิ่มสูงขึ้นซึ่งแตกต่างจากต่งที่ความนิยมตกต่ำลง สำนักข่าวหลายสำนักและนักธุรกิจหลายคนต่างเชื่อมั่นว่าโดนัลด์ จางจะเป็นผู้นำคนถัดไป และให้การสนับสนุนมากกว่าต่ง เจี้ยนหวาที่เป็นผู้ว่าการในตอนนั้น
ในที่สุดเมื่อต่ง เจี้ยนหวาลาออกในปี 2548 โดนัลด์ จางที่ได้รับสนับสนุนจากคนหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนชั้นนำของฮ่องกงและพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้รับตำแหน่งเป็นรักษาการผู้บริหารเขตพิเศษฮ่องกง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเขาโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งชนะโดยไม่มีคู่แข่ง
โดนัลด์ จางขึ้นสู่อำนาจในปี 2548 หลังจากการลาออกจากตำแหน่งของต่ง เจี้ยนหฺวา ซึ่งในสมัยแรกของเขาจะยังคงยึดตามวาระของต่งก่อน ทำให้ในสมัยแรกของเขานั้นกินเวลาเพียง 2 ปี (2548-2550)
ซึ่งในสมัยแรกของเขานั้น จางพยายามประณีประนอมกับกลุ่มพรรคการเมืองสายประชาธิปไตยภายในฮ่องกง ซึ่งในช่วงแรกนั้นเขาค่อนข้างเป็นมิตรกับกลุ่มหนุนประชาธิปไตยในสภาเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังหนุนให้คนการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยมาทำงานกับรัฐบาลมากขึ้น อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์อันดีนั้นก็ต้องขาดสะบั้นลง เมื่อจางพยายามทำการปฏิรูประบบการเลือกตั้งของฮ่องกงใหม่ โดยการเพิ่มกรรมการการเลือกตั้งจาก 800 มาเป็น 1600 คน และเพิ่มตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติอีก 10 คน โดยแบ่งเป็น 5 คนมาจากการเลือกตั้งทั่วไป และอีก 5 คนมาจากการเลือกของคนที่มีสิทธิเฉพาะ ทั้งนี้ว่าสมาชิกจากฝ่ายประชาธิปไตยไม่เห็นชอบและสภาไม่โหวดผ่านให้กับการปฏิรูปการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขาหัวเสียเป็นอย่างมาก และมีการกล่าวถึงพวกที่ไม่โหวดผ่านว่าเป็น “สัตว์ที่น่ารังเกียจ”
ทั้งนี้อีกหนึ่งนโยบายสำคัญในสมัยแรกของโดนัลด์ จาง ก็คือการกำจัดมลพิษทางอากาศหรือ PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาระดับชาติในตอนนั้น[8]
ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 โดนัลด์ จางยังคงได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารฮ่องกงต่อไป ซึ่งในสมัยที่สองนี้จางประกาศเริ่มต้นแผนห้าปี ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของ "การพัฒนาที่ก้าวหน้า" โดยเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความสะดวกสบายของสังคมเมือง และทำให้คุณภาพชีวิตและการเดินทางของคนเมืองเป็นไปด้วยความราบรื่นมากยิ่งขึ้น เมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่มีการอนุมัติไปประกอบด้วย ระบบรถไฟชานเมือง (MTR) สาย Southern District Extension ระบบรถไฟชานเมือง (MTR) ส่วนต่อขยาย Sha Tin ถึง Central Link โครงการสร้างถนนเลี่ยงเมือง Tuen Mun ตะวันตก โครงการสร้างทางรถไฟฮ่องกง-เซินเจิ้น-กวางตุ้ง โครงการสร้างสะพานเชื่อมฮ่องกง-ซูไฮ่-มาเก๊า โครงการสร้างท่าอากาศยานร่วมฮ่องกง-เซินเจิ้น (Hong Kong-Shenzhen Airport Co-operation) โครงการปรับปรุงคุณภาพชีวิตในนิวเทร์ริทอรีส์ ทั้งนี้แผนนี้ได้มีการยายโครงการมากขึ้นหลังจากเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เพราะเมกะโปรเจกต์ที่ถูกสร้างขึ้นต้องการแรงงานที่มากขึ้น ซึ่งสามารถจ้างคนมาเป็นแรงงานได้มากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้น
อย่างไรก็ตามปัญหาทางการเมืองก็ยังเป็นปัญหาที่ลากยาวตลอดสมัยที่สองของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการปฏิรูประบบเลือกตั้งใหม่ ด้วยการเพิ่มคณะกรรมการการเลือกตั้งและสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งประเด็นเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงมาตั้งแต่สมัยแรกแล้ว และในสมัยที่สองนี้โดนัลด์ จางก็พยายามที่จะผลักดันประเด็นเรื่องนี้ให้ผ่านสภาไปได้ ทั้งการประชาสัมพันธ์ให้กับมวลชนและการเดินสายพูดคุยตามที่ต่างๆ ถึงกระนั้นแบบสำรวจที่ออกมาในตอนนั้นก็มองว่าประชาชนกว่าร้อยละ 45 ไม่เห็นด้วยในการเปลี่ยนแปลงกฎการเลือกตั้งนี้[9]ถึงกระนั้นด้วยแรงกดดันจากทางรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่และการเดินหน้าพูดคุยนอกรอบก็ทำให้การปฏิรูปครั้งนี้เกิดขึ้นได้สำเร็จ โดยเพิ่มสมาชิกคณะกรรมการการเลือกตั้งจาก 800 เป็น 1200 คน และเพิ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติ 10 คน
ในช่วงปลายสมัยของจาง เขานั้นเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและการเอื้อผลประโยชน์ โดยมาจากการตั้งข้อสังเกตเรื่อง การที่จางเสนอในที่ประชุมทำเนียบเขตปกครองพิเศษให้พิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาต ให้คหบดีชื่อ “หว่อง ฉอปิว” เปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงออกอากาศระบบดิจิทัลที่ปิดตัวไปแล้ว และไม่นานต่อจากนั้นจางก็ได้ซื้อบ้านหรูของหว่อง ฉอปิวที่เซินเจิ้น[10] ปัญหาการทุจริตและการประพฤติมิชอบนี้เป็นที่โจมตีของคนในสภาและศัตรูทางการเมืองของจางอย่างมาก จนในที่สุดโดนัลด์ จางก็ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารฮ่องกงในวันที่ 30 มิถุนายน 2555
หลังจากลงจากอำนาจ ในปี 2558 ICAC อันเป็นองค์กรตรวจสอบการทุจริตในฮ่องกงชี้มูลความผิด และส่งเรื่องนี้ต่อศาล “ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” โดยให้จำคุก 20 เดือน ทำให้เขาเป็นผู้บริหารเกาะฮ่องกงคนแรกที่ได้รับคำพิพากษาคดีอาญาจากการบริหารฮ่องกง
แต่ภายหลังศาลสูงสุดของฮ่องกง ได้กลับคำพิพากษาและปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ ในปี 2562
เมนูนำทาง
ดอนัลด์ จั๊ง บทบาททางการเมืองใกล้เคียง
ดอนัลด์ ทรัมป์ ดอนัลด์ เซอโรนี ดอนัลด์ จั๊ง ดอนัลด์ รัมส์เฟลด์ ดอนัลด์ โกลเวอร์ ดอนัลด์ ซักโซ ดอนัลด์ คริสป์ ดอนัลด์ ลัฟ ดอนัลด์ เลห์ ดอนัลด์ เอช. ไวต์แหล่งที่มา
WikiPedia: ดอนัลด์ จั๊ง https://publications.parliament.uk/pa/cm200506/cmh... https://publications.parliament.uk/pa/cm200506/cmh... https://publications.parliament.uk/pa/cm200506/cmh... http://www.legco.gov.hk/yr11-12/english/panels/ea/... https://www4.hku.hk/hongrads/citations/honorary-de... http://www.china.com.cn/zhuanti2005/txt/2005-06/17... https://web.archive.org/web/20150501125517/http://... https://web.archive.org/web/20071017180538/http://... https://www.nytimes.com/1996/03/07/business/a-rari... http://www.thestandard.com.hk/news_detail.asp?pp_c...